หลายสัปดาห์ที่แล้วเพิ่งพาท่านไปชมความงามที่ซิดนีย์กับเพิร์ธ มาครานี้ต้องแวะกลับมาที่ใจกลางของประเทศออสเตรเลียกันบ้าง วันนี้ทัวร์ออสเตรเลียจะพาทุกท่านไปตะลุยชมความสวยงามภายในเมืองเมลเบิร์นกันบ้างจ้ะ โดยชาวยุโรปจากแผ่นดินใหญ่เริ่มอพยพเข้ามาตั้ง ถิ่นฐานที่เมืองเมลเบิร์นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1835 และเจริญขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกๆ ด้านจนกลายเป็นศูนย์กลางทางการเมืองการปกครอง ในปี 1901 ได้รับเลือกให้เป็นเมืองหลวงของประเทศก่อนที่จะย้ายไปกรุงแคนเบอร์ร่าในปี 1927 เมืองเมลเบิร์นเคยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิคและในขณะนี้เป็น เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศรองจากนครซิดนีย์ นอกจากนั้น เมืองเมลเบิร์นยังเคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่อาศัยที่สุด ในโลกด้วย สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเมืองมีดังนี้
– อนุสรณ์ทหารผ่านศึก (SHRINE OF REMEMBRANCE) ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารออสเตรเลียที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ หนึ่งและสอง ตัวอนุสรณ์สถานสร้างตามแบบมอโซเลียมแห่งฮาลิคาร์นาซุส ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ ไม่มีใครเคยเห็นของจริงหรอกครับ สร้างกันไปตามจินตนาการทั้งนั้น
– บ้านกัปตันคุ๊ก (Captain Cook’s Cottage) ในอดีตบ้านหลัง นี้ ถูกสร้างเมื่อปี 1755 อยู่ในหมู่บ้านเกรท เอย์ตัน(Great Ayton) ประเทศอังกฤษ เดิมเป็นบ้านของ บิดามารดาของกัปตันคุ๊ก ซึ่งเขาเป็นคนแรกที่ค้นพบ ทวีปออสเตรเลีย เมื่อ ค.ศ. 1770 ต่อมาท่าน เซอร์ รัสเซล กริมเวด ได้ซื้อมาจากอังกฤษ โดยรื้ออิฐออกมาทีละก้อน แล้วถูกลำเลียงมาทางเรือ และมาประกอบใหม่ที่นี่ นำมาตั้งไว้ที่สวนฟิทซ์รอย (Fitzroy Gardens) เมื่อปี 1934 เพื่อเป็นของขวัญครบรอบหนึ่งร้อยปีของรัฐวิคตอเรีย และเพื่อเป็นการระลึกถึงการเดินทางค้นพบทวีปออสเตรเลียของกัปตันคุ๊ก ข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้านบางอย่างเป็นของดั้งเดิม บางอย่างก็เป็นของที่ทำเลียนแบบขึ้นมาใหม่ แล้วให้นักท่องเที่ยวเดินเข้าไปชมภายในบ้านได้ ซึ่งมีเครื่องใช้ไม้สอยที่ทำด้วยไม้และโลหะ ที่แสดงถึงห้องครัวในสมัยนั้น เมื่อขึ้นบันได ไป ก็จะเห็นห้องซึ่งใช้เป็นทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่น เปลเด็กทำด้วยไม้โอ๊ค ตะเกียง เทียนไข ซึ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของสตรีในยุคอังกฤษโบราณที่ตอนกลางคืน ต้องทอผ้า หรือปั่นด้ายไปด้วย ขณะเดียวกันก็ไกวเปลกล่อมลูกนอนไปด้วย
– พิพิธภัณฑ์แห่ง เมืองเมลเบิร์น ( Melbourne Museum ) อาคารของ พิพิธภัณฑ์มีสีสันโดดเด่นสะดุดตา มีลักษณะเป็นรูปกล่องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ใครที่นั่งรถผ่านก็อดถามไม่ได้ว่าที่นี่คืออะไร ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ อาคารแบ่งเป็น 6 ชั้น อยู่ใต้ดิน 3 ชั้น เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีรูปแบบทันสมัย เหมาะสำหรับเด็ก ๆ นักเรียน และนักศึกษาที่จะเข้ามาหาความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ ภายในมีร้านค้า ร้านอาหารเครื่องดื่ม โรงภาพยนตร์ ICE ( Interactive Cinema Experience ) เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่โด่งดังไปทั่วโลก มีจอภาพขนาดใหญ่ ระบบเสียงรอบทิศทาง และทุกที่นั่งมีจอคอมพิวเตอร์ให้ผู้ชมได้แสดงความคิดเห็น ควบคุมการเดินเรื่อง เล่นเกมส์ต่าง ๆ ร่วมกัน นอก จากนี้ ยังมีป่าไม้ซึ่งทำจำลองไว้เหมือนจริง มีสัตว์ต่าง ๆ กว่า 20 ประเภท ต้นไม้พันธุ์ต่าง ๆ กว่า 80,000 ชนิด
– Phillip Island Nature Park อุทยานธรรมชาติเกาะฟิลลิป phillip Island Nature Park เป็นอุทยานสำหรับการอนุรักษ์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ประมาณ 1.5 ชั่วโมง จาก เมืองเมลเบิร์น ซึ่งประกอบไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย เช่น หินพีระมิด (Pyramid Rock), หินแมวน้ำ (Seal Rock), พาเรดเพนกวิน (Penguin Parade) ดูขบวนพาเรดของเพนกวินตัวน้อยๆ ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติจริงๆ , ศูนย์อนุรักษ์ โคล่า (Koala Conservation Centre), และ The Nobbies Centre ซึ่งเป็นจุดที่สามารถชม แมวน้ำ โลมา และ ปลาฉลามได้
– Great Ocean Road ถนนมีความยาวทั้งสิ้น 243 กิโลเมตรเรียบไปตามชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศออสเตรเลีย ระหว่างเมืองในรัฐวิคตอเรีย (the Victorian cities) ชื่อ เมืองทอร์คีย์ (Torquay ) และเมืองวาร์นัมบูล (Warrnambool) ลักษณะถนนมีความกว้างประมาณ 2 ข่องทาง ไปหนึ่งมาหนึ่ง ไม่กว้างนักพอสวนกันได้ มีการขยายช่องทางให้มีเป็นทางสำรองอีก 1 เป็นช่วงๆ เพื่อให้รถช้าได้เปิดโอกาสให้รถเร็วกว่าได้แซงขึ้นไป ไม่ต้องมารอติดขัดกันเป็นแถวยาย และเวลาใช้จริง หากถนนดังกล่าวเป็นการ สร้างในเวลาปัจจุบัน ก็คงจะเป็นเรื่องไม่ยากอะไรนัก แต่เมื่อคิดถึงในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่งใหม่ๆ ต้องใช้แรงงานทหารผ่านศึกจำนวน 3000 คน เป็นแกนหลักในการสร้างถนนแล้ว ก็นับว่าเป็นความพยายามที่ยิ่งใหญ่ เพราะเครื่องจักรในการทำถนนสมัยนั้นยังไม่ดีเท่าในปัจจุบัน ถนนเกิดจาการสร้างงาน เพื่อให้ทหารที่กลับจากสงครามโลกครั้งที่ 1 และเพื่อเป็นเกียรติแก่ทหารที่ได้เสียชีวิตจากการเข้าร่วมรบในสงครามโลก ครั้งแรกนี้ ถนนสายนี้มีภาพระหว่างทางที่สวยงามมากมายตลอดการขับผ่านสองข้างทาง ซึ่งจะมีจุดที่ให้นักท่องเทียวได้แวะชมและถ่ายภาพ
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใช้เช่น
– 12 สาวกของพระเจ้า ( Twelve Apostles) เป็นแท่งหินปูนที่ถูกธรรมชาติสลักให้มีรูปทรงแปลกๆ แตก ต่างกันไปอย่างน่าอัศจรรย์ เรียงรายกระจายอยู่บริเวณชายหาด มีทางเดินให้นักท่องเที่ยวเดินชมและถ่ายรูปกันแบบจุใจ และใกล้ชิด นอกจากการเดินชมแล้ว ยังมีบริการเที่ยวชมแบบ Bird Eyes View โดยการนั่งเฮลิคอปเตอร์ ชมความสวยงามของ Twelve Apostles และ Port Cambell National Park ระยะทางไป-กลับ ประมาณ 26 กิโลเมตร สนนราคาประมาณคนละ 2,800 บาท โดยใช้เวลาราว 10 นาทีเท่านั้น
– Loch Ard Gorge ลักษณะเป็นภูเขารูปโค้งขนาดใหญ่ ที่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนทะลุเป็นช่องตรงกลาง สวยงามไปอีกแบบ ปี ค.ศ.1878 เรือเดินทะเลสัญชาติอังกฤษนามว่า Loch Ard เดินเรือมาถึงน่านน้ำของเมลเบิร์น อยู่ในทะเลได้สามเดือนจนถึงวันที่ 31 พ.ค. ก็เตรียมตัวกลับ แต่สภาพอากาศในวันนั้นเลวร้ายเอามากๆ ทำให้ไม่สามารถมองไม่เห็นไฟประภาคารซึ่งอยู่บน Cape Otway กัปตัน Gibb ซึ่งบัญชาการเรือในตอนนั้น เห็นว่าเรือจะชนก็สั่งให้หยุดเรือเต็มที่ แต่สายเกินไป สุดท้ายเรือก็เกิดอุบัติเหตุ ชนกับหินโสโครก จนน้ำเข้าเรือ และจมบริเวณนี้เอง ทำให้ได้ชื่อ Loch Ard Gorge มา ถึงปัจจุบัน
London Bridge หรือสะพานลอนดอน เป็นเกาะหินตั้งอยู่ริมหาด มีลักษณะคล้ายกับสะพานข้ามแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน สมัยก่อนเคยเชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ แต่ในปี ค.ศ.1990 ถูกคลื่นซัดจนขาดออกจากแผ่นดินใหญ่ เหลือเป็นเพียงเกาะหินตั้งอยู่เท่านั้น