เที่ยววัดในบาหลี

bali-13

แม้ว่าในประเทศอินโดนีเซียในส่วนใหญ่ของประเทศนั้นนับถืออิสลามแต่ที่บาหลียังมีวัดในศาสนาพุทธและฮินดูที่มีชื่อเสียงที่นักท่องเที่ยวชาวไทยชอบเดินทางไปเที่ยวและทำบุญนั่นก็คือวัดอูรูวาตูผมว่าเหมาะเช่นเดียวกันนะครับที่คนที่มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาและฮินดูถือโอกาสนี้เดินทาง่องเที่ยวไปพร้อมกับการทำบุญไม่วาทำบุญที่ไหนเราก็ได้ความสุขกายสบายใจกับตัวเราเองมีทัวร์บาหลีหลายเจ้านะครับที่เค้าจัดทัวร์ที่ไปเที่ยวและทำบุญที่วัดนี้เพราะเป็นที่เคารพจากชาวพุทธที่นี่เป็นอย่างมาก สำหรับการเคารพและการไหว้ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากของไทยมากนักก็มีธูปเทียน หมากพลูเช่นเดียวกันแต่ลักษณะท่าทางการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจะแตกต่างออกไป

               ความพิเศษของวัดนี้มีความน่าสนใจตรงที่ว่าตั้งอยู่บริเวณหน้าผาซึ่งติดกับทะเลทำเลที่ตั้งสวยงามมากนะครับสามารถที่จะเห็นวิวได้180องศาเลยทีเดียวเชื่อว่าคนที่สร้างน่าจะมีความตั้งใจอยู่แล้วและไม่ได้แตกต่างจากที่อื่นๆอย่างโบราณสถานขงไทยเราเองก็มีทำเลที่ตั้งที่สอดคล้องกับดวงอาทิตย์หรือว่าดวงจันทร์แต่ที่นี่รู้สึกจะเป็นดวงอาทิตย์นะครับที่จะเห็นว่าขึ้นจากของฟ้าที่สวยงามมากในยามเช้าอธิบายคงจะนึกภาพไม่ออกนะครับท่านสามารถที่จะหาภาพจากที่เค้าลงไว้ตามอินเตอร์เน็ตหรือหาทัวร์บาหลีเดินทางไปเที่ยวด้วยตัวเองดีกว่าเชื่อว่าน่าจะสามารถเข้าใจได้อย่างดี อ้อลืมบอกไปนิดนะครับที่นี่วัดจะออกพราหมฮินดูนะครับเพราะมีพระพิฆเณศอยู่ด้วยใครที่นับถือก็ไปสักการบูชากันก็ได้นะ

ส่องมัณฑะเลย์ฮิลล์ ประเทศพม่า

myanmar-14

ในตอนนี้เรายังคงวนเวียนอยู่ในเมืองมัณฑะเลย์ เมืองสุดฮิต ใครที่มาทัวร์พม่าต่างก็ต้องแวะมาที่เมืองนี้กัน ด้วยว่าเมืองนี้เป็นราชธานีสุดท้ายของระบบกษัตริย์ของพม่า จึงมีเรื่องราวประวัติศาสตร์มากมายให้น่าเรียนรู้ค้นหา รวมทั้งมีศิลปะที่อ่อนช้อยสวยงามตามแบบฉบับพม่า ซึ่งวันนี้จะพาไปรู้จักกับ มัณฑะเลย์ฮิลล์ค่ะ

มัณฑะเลย์ฮิลล์อันศักดิ์สิทธิ์นั้นเปรียบเสมือนจุดชมวิวของเมืองค่ะ ตั้งอยู่กลางเมืองมัณฑะเลย์ มีความสูง 236 เมตร ด้านปากทางขึ้นนั้นจะมีรูปปั้นสิงห์ขนาดใหญ่สองตัว ระหว่างทางเดินมีปูชนียสถานให้สักระบูชาเป็นระยะๆ โดยมีขึ้นบันไดทั้งสิ้น 7,292 ขั้น แต่ถ้าหากไม่อยากเดินให้เมื่อยละก็ สามารถนั่งรถสองแถวขึ้นบนยอดมัณฑะเลย์ได้เลย แต่ข้อเสียก็คือ จะไม่ผ่านจุดชมที่หนึ่งและจุดชมที่สอง อันนี้ก็เลือกกันได้ตามสะดวก หรือจะใช้วิธีที่ไกด์ทัวร์พม่าทำก็คือ นั่งรถขึ้นไปแล้วยังจุดสูงสุดก่อนแล้วตอนกลับเดินแวะพักจุดที่หนึ่งกับสองก็ได้เช่นกัน

โดยจุดชมวิวแรกนั้นจะเป็นวิหารที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่ขุดพบแคว้นคันธรราษฏร์ อินเดีย โดยมีอักษรจารึกว่าเป็นของพระเจ้ากนิษกะมหาราช จุดชมวิวที่สองเกือบจะถึงยอดเขาเลย จะมีพระพุทธรูป ชเวยัตดอร์ เป็นพระพุทธรูปปางยืนขนาดใหญ่ปิดทองทั้งทอง ซึ่งทางพม่าเรียกว่าปางพยากรณ์ จุดสุดท้ายคือยอดเขามัณฑะเลย์ ซึ่งจะมีวิหารศักดิ์สิทธิ์ ซูตองพญา จะมีลักษณะคล้ายมณฑปครอบพระมหามัยมุนี โดยภายในวิหารนั้นประดิษฐานพระพุทธรูปไว้ทั้ง 4 ทิศ นั่นคือ พระกกุสันโธ พระโกนาคมน์ พระกัสสป และพระสมณโคดม บริเวณรอบ ๆ วิหารนั้นมีระเบียงสำหรับชมทัศนียภาพเมืองมัณฑะเลย์ได้ทั้งหมด แถมยังสามารถมองเห็นแม่น้ำอิระวดีและพระบรมมหาราชวัง วัดกุโสดอว์ได้อีกด้วย เป็นอีกสถานที่นึงที่หากใครจะมาทัวร์พม่าไม่ควรพลาดเช่นกันค่ะ

วัดอาซากุสะ

japan-09

สำหรับคนที่มีแผนการเพื่อจะไปทัวร์ญี่ปุ่นเพื่อไปไหว้พระหรือสัมผัสกับวัฒนธรรมอันเก่าแก่ของประเทศญี่ปุ่นแล้วล่ะก็เชื่อเหลือเกินครับว่า “วัดอาซาสุกะ” ย่อมต้องเป็นหนึ่งในโปรแกรมทัวร์ญี่ปุ่นอย่างแน่นอนเพราะเนื่องจากวัดนี้เขาเป็นวัดที่เก่าแกที่สุดในประเทศญี่ปุ่นที่ใครก็ตามที่มีโอกาสมาที่ญี่ปุ่นเป็นอันต้องแวะกราบไหว้ขอพรทุกคน ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกันกับเรื่องราวของวัดอาซาสุกะกันดีกว่าครับเพื่อการทัวร์ญี่ปุ่นครั้งต่อไปของเราจะได้มีความสนุกสนานมากขึ้น

               วัดอาซากุสะนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดเซ็นโซจิ ซึ่งสาเหตุที่มีชื่อว่าวัดอาซากุสะนั้นก็เพราะว่าตัววัดนั้นตั้งอยู่บริเวณย่านอาซากุสะนั่นเอง วัดอาซากุสะแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานเจ้ากวนอิมองค์เล็กเพียง 5 นิ้วที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากครับซึ่งตามตำนานเล่าว่ามีชาวประมงสองพี่น้อง ทอดแหได้เจ้าแม่กวนอิมองค์นี้มาจากแม่น้ำซูมิดะ ซึ่งแม้จะโยนทิ้งลงแม่น้ำกี่ครั้ง ก็จะติดแหของพวกเขาขึ้นมาทุกที  จึงได้สร้างวัดนี้ขึ้นเพื่อประดิษฐานเจ้ากวนอิม วัดนี้เป็นวัดเก่าที่เก่าแก่ที่มีอายุประมาณ 1830 ปี แล้ว(สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ. 1171)จึงถือเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น  ปัจจุบันวัดอาซากุสะถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำหรับคนที่มาทัวร์ญี่ปุ่นและมาเยือนโตเกียวที่ต้องมาชมให้ได้

               จุดเด่นของวัดอาซากุสะนี้อีกอย่างหนึ่งที่ถือเป็นจุดถ่ายรูปที่เป็นเครื่องยืนยันว่าได้มาถึงวัดแห่งนี้แล้วก็คือโคมไฟสีแดงขนาดใหญ่ที่แขวนอยู่บริเวณประตูด้านหน้าวัดติดกับถนนซึ่งเจ้าโคมไฟที่ว่านี้มีน้ำหนักถึง 670 กิโลกรัมเลยครับดังนั้นหากเห็นใครที่ไปทัวร์ญี่ปุ่นแล้วถ่ายภาพมามีโคมไฟขนาดใหญ่อยู่ในภาพก็สามารถเดาได้เลยว่าภาพดังกล่าวถ่ายที่วัดอาซากุสะแห่งนี้